วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Web-scale IT

what is web-scale IT

Web-Scale IT เป็นรูปแบบของการประมวลผลในระดับโลกที่นำความสามารถของบริการคลาวด์ขนาดใหญ่เข้ามาสู่ภายในองค์กรศูนย์คอมพิวเตอร์ขนาดยักษ์อย่างเช่นของ Facebook, Google และ Amazon มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือมีขนาดใหญ่มากที่สามารถรับมือกับรายการเป็นพันๆล้านรายการต่อวัน Gartner เรียกศูนย์คอมพิวเตอร์หรือศูนย์ข้อมูลขนาดยักษ์เหล่านี้ว่า “Web-scale Data Center”  ประมาณร้อยละ 20 ของศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีอยู่ในโลกขณะนี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Hyperscale หรือ Web-scale ศูนย์ข้อมูลขนาดยักษ์ส่วนหนึ่งเป็นศูนย์ให้บริการสาธารณะ อย่างเช่น Google และ Facebook  และอีกกลุ่มหนึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลขององค์กรขนาดใหญ่ เช่น ของรัฐบาล สถานบันการเงิน ฯลฯ Gartner องค์กรส่วนมากจะเริ่มต้นคิด ทำ และสร้างแอพพลิเคชันและโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรเลียนแบบบริษัทยักษ์ใหญ่ ทั้งนี้ Web-Scale IT ไม่ได้เกิดขึ้นได้ทันทีทันใดแต่จะค่อยๆ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ โดยอาศัยเวลา โดยจะต้องรอให้มีฮาร์ดแวร์ที่เอื้ออำนวยต่อรูปแบบการทำงานใหม่และถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการทำงานในรูปแบบ คลาวด์ และรอช่วงเวลาที่แนวทาง Software-Defined ได้กลายมาเป็นแนวทางหลักของอุตสาหกรรม 




for application

web-scale IT นั้นเป็นแบบแผนของการประมวลผลระดับโลก ซึ่งเป็นการดำเนินการในเรื่องขีดความสามารถของ cloud service provider ขนาดใหญ่สำหรับตอบสนองไอทีขององค์กรหรือธุรกิจ Gartnerพยากรณ์ว่าองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลกเริ่มคิดจะนำสถาปัตยกรรมของศูนย์ข้อมูลขนาดยักษ์ไปใช้ในองค์กรมากขึ้น เพื่อให้สามารถบริการและปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างใกล้ชิดทั่วโลกเป็นจำนวนมาก ๆ ซึ่งเป็นวิธีกินแดนตลาดให้กว้างขวางด้วยการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับลูกค้าผ่านศูนย์ข้อมูลขนาดยักษ์นี้

scenario
ตัวอย่างแอพลิเคชั่นที่ได้รับความสนในมากที่สุดคงหนีไม่พ้น Facebook เฟสบุ๊คนั้นทำให้ผู้ใช้สามารถติดต่อสื่อสารและร่วมทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งหรือหลายๆ กิจกรรมกับผู้ใช้ Facebook คนอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งประเด็นถามตอบในเรื่องที่สนใจ โพสต์รูปภาพ โพสต์คลิปวิดิโอ เขียนบทความหรือบล็อก แชทคุยกันแบบสดๆ  เล่นเกมส์แบบเป็นกลุ่มและยังสามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ผ่านแอพลิเคชั่นเสริม (Applications) ที่มีอยู่อย่างมากมายได้อีกด้วย 


Impact

ผลกระทบด้านบวก คือ 
1. ช่วยส่งเสริมความสะดวกสบายของมนุษย์ ช่วยให้ความเป็นอยู่ของมนุษย์ดีขึ้น
2. ช่วยทำให้การผลิตในอุตสาหกรรมดีขึ้น
3. ช่วยส่งเสริมให้เกิดการค้นคว้าวิจัยสิ่งใหม่
4. ช่วยให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง เทคโนโลยีจำเป็นต่ออุตสาหกรรม กิจการค้า ธุรกิจต่าง ๆ กิจการทางด้านธนาคาร ช่วยส่งเสริมงานทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้กระแสเงินหมุนเวียนได้อย่างกว้างขวาง
5. ช่วยให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน การสื่อสารโทรคมนาคมสมัยใหม่ช่วยย่นย่อโลกให้เล็กลง โลกมีสภาพไร้พรมแดน มีการเรียนรู้วัฒนธรรมซึ่งกันและกันมากขึ้น
ผลกระทบด้านลบ คือ
1. ทำให้เกิดอาชญากรรม
2. ทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์เสื่อมถอย การใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสารทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องเห็นตัว
3. ทำให้เกิดความวิตกกังวล ผลกระทบนี้เป็นผลกระทบทางด้านจิตใจของกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่มีความวิตกกังวลว่าคอมพิวเตอร์อาจทำให้คนตกงานมากขึ้น
4. ทำให้เกิดความเสี่ยงภัยทางด้านธุรกิจ ธุรกิจในปัจจุบันจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น ข้อมูลข่าวสารทั้งหมดของธุรกิจฝากไว้ในศูนย์ข้อมูล
5. ทำให้การพัฒนาอาวุธมีอำนาจทำลายสูงมากขึ้น 
6. ทำให้เกิดการแพร่วัฒนธรรมและกระจายข่าวสารที่ไม่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว